บัวลอยสามสี
ประวัติความเป็นมา
ขนมบัวลอยเป็นขนมไทยพื้นบ้านของชาวไทย ที่รู้จักกันทั่วทุกภูมิภาค แต่ละพื้นที่จะมีสูตรและเคล็ดลับที่แตกต่างกันไป โดยเฉพาะขนมบัวลอย สูตรของนางกวยอัตจักร์ซึ่งเป็นชาวอีสานและมีภูมิลำเนาเป็นคนบ้านโนนศิลา อำเภอโนนศิลาโดยกำเนิด ได้รู้จักวิธีการทำขนมบัวลอยมาเมื่อครั้งยังเป็นสาว โดยได้เรียนรู้จากแม่ และเริ่มปรับปรุงพัฒนารูปแบบ ส่วนผสม ตลอดจนการรู้จักดัดแปลงหรือนำเอาวัสดุธรรมชาติที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาเป็นส่วนผสม เช่น ใบเตย ดอกกุหลาบ หรือดอกอัญชัน มาคั้นเอาน้ำไปผสมกับแป้งเพื่อให้ได้สีสันที่สวยงาม น่ารับประทาน จากที่เคยทำขนมบัวลอยเพื่อไว้รับประทานกันเองภายในครอบครัว หรือแบ่งไปทำบุญที่วัดในอดีต ก็ได้พัฒนาฝีมือขึ้นมาเพื่อขายให้ผู้คนในหมู่บ้านหรือหมู่บ้านใกล้เคียง และนำไปขายควบคู่กับอาหารพื้นบ้านที่ตัวเองทำขายอยู่เป็นประจำ ทำให้มีรายได้จากการค้าขายเพิ่มขึ้นซึ่งนางกวย ได้มองเห็นโอกาสที่ว่าในปัจจุบันไม่ค่อยมีคนทำขนมบัวลอยรับประทานกันเนื่องจากเห็นว่ามีขั้นตอนที่ยุ่งยาก เสียเวลา และสามารถหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด จึงทำขนมบัวลอยไว้จำหน่ายให้บุคคลภายในหมู่บ้านตลอดจนผู้คนที่มาติดต่อราชการ ณ ที่ว่าการอำเภอโนนศิลา ซึ่งนางกวยตั้งใจที่จะทำขนมบัวลอยขายคู่กับอาหารพื้นบ้านให้คนพื้นบ้านอีสานและโดยเฉพาะชาวอำเภอโนนศิลาได้รับประทานตลอดไป เพื่อเป็นการรักษาสืบทอดการทำขนมบัวลอยคงไว้ให้ลูกหลานได้เรียนรู้ อนุรักษ์สืบสานต่อไป ทั้งนี้นางกวย กล่าวว่ายินดีที่จะให้คำแนะนำ วิธีการทำในทุกขั้นตอนแก่ผู้สนใจโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้นจุดมุ่งหมายของการทำ
1.เพื่ออนุรักษ์ขนมหวานไทย
2.เพื่อฝึกการทำงานเป็นกลุ่ม
3.เป็นการสร้างรายได้ระหว่างเรียน
4.เพื่อฝึกการทำบัวลอยสามสี
5.เพื่อศึกษาประวัติและวิธีทำขนมไทย
วัสดุอุปกรณ์และประโยชน์ของพืช
ส่วนที่ใช้ : ใบ
สรรพคุณ :
ใบสด
- ตำพอกโรคผิวหนัง
- รักษาโรคหืด
- น้ำใบเตย ใช้เป็นยาบำรุงหัวใจให้ชุ่มชื่น
- ใช้ผสมอาหาร แต่งกลิ่น ให้สีเขียวแต่งสีขนม
วิธีและปริมาณที่ใช้ :
1.ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ
2.ใช้เป็นยาบำรุงหัวใจใช้ใบสดไม่จำกัดผสมในอาหาร ทำให้อาหารมีรสเย็นหอม รับประทานแล้วทำให้หัวใจชุ่มชื่น หรือเอาใบสดมาคั้นน้ำรับประทาน ครั้งละ 2-4 ช้อนแกง
ใช้ต้น 1 ต้น หรือราก ครึ่งกำมือ ต้มกับน้ำดื่ม
3 ใช้เป็นยาแก้เบาหวาน
อัญชัน
เป็นไม้เถา ลำต้นมีขนนุ่ม มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาใต้ ปลูกได้ทั่วไปในเขตร้อน มีชื่อพื้นเมืองอื่นอีกคือแดงชัน (เชียงใหม่) และเอื้องชัน (เหนือ)[1] เมื่อคั้นออกมาจะได้เป็นสีฟ้า
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
อัญชันเป็นไม้เลื้อยเนื้ออ่อน อายุสั้น ใช้ยอดเลื้อยพัน ลำต้นมีขนปกคลุม ใบประกอบแบบขนนก เรียงตรงข้ามยาว 6-12 เซนติเมตร มีใบย่อยรูปไข่ 5-7ใบ กว้าง 2-3 เซนติเมตร ยาว 3-5 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบมน ผิวใบด้านล่างมีขนหนาปกคลุม
ดอกสีขาว ฟ้า และม่วง ดอกออกเดี่ยว ๆ รูปทรงคล้ายฝาหอยเชลล์ออกเป็นคู่ตามซอกใบ กลีบดอก 5 กลีบ ดอกบานเต็มที่ยาว 2.5-3.5 เซนติเมตรกลีบคลุมรูปกลม ปลายเว้าเป็นแอ่ง ตรงกลางมีสีเหลือง มีทั้งดอกซ้อนและดอกลา ดอกชั้นเดียวกลีบขั้นนอกมีขนาดใหญ่กลางกลีบสีเหลือง ส่วนกลีบชั้นในขนาดเล็กแต่ดอกซ้อนกลีบดอกมีขนาดเท่ากัน ซ้อนเวียนเป็นเกลียว ออกดอกเกือบตลอดปี ผลแห้งแตก เป็นฝักแบน กว้าง 1-1.5 เซนติเมตร ยาว 5-8 เซนติเมตร เมล็ดรูปไต สีดำ มี 5-10 เมล็ด
การกระจายพันธุ์
อัญชันมีถิ่นกำเนิดในแถบเอเชียเขตร้อน ก่อนจะถูกนำไปแพร่พันธุ์ในแอฟริกา ออสเตรเลีย และอเมริกา
สรรพคุณ
ดอก สกัดสีมาทำสีผสมอาหาร ช่วยปลูกผมทำให้ผมดำขึ้น
เมล็ด เป็นยาระบาย
ราก บำรุงตาแก้ตาฟาง ถูฟันแก้ปวดฟัน ตาแฉะ และปรุงเป็นยาขับปัสสาวะ นำรากมาถูกับน้ำฝนใช้หยอดหูและหยอดตา
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
อัญชันเป็นไม้เลื้อยเนื้ออ่อน อายุสั้น ใช้ยอดเลื้อยพัน ลำต้นมีขนปกคลุม ใบประกอบแบบขนนก เรียงตรงข้ามยาว 6-12 เซนติเมตร มีใบย่อยรูปไข่ 5-7ใบ กว้าง 2-3 เซนติเมตร ยาว 3-5 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบมน ผิวใบด้านล่างมีขนหนาปกคลุม
ดอกสีขาว ฟ้า และม่วง ดอกออกเดี่ยว ๆ รูปทรงคล้ายฝาหอยเชลล์ออกเป็นคู่ตามซอกใบ กลีบดอก 5 กลีบ ดอกบานเต็มที่ยาว 2.5-3.5 เซนติเมตรกลีบคลุมรูปกลม ปลายเว้าเป็นแอ่ง ตรงกลางมีสีเหลือง มีทั้งดอกซ้อนและดอกลา ดอกชั้นเดียวกลีบขั้นนอกมีขนาดใหญ่กลางกลีบสีเหลือง ส่วนกลีบชั้นในขนาดเล็กแต่ดอกซ้อนกลีบดอกมีขนาดเท่ากัน ซ้อนเวียนเป็นเกลียว ออกดอกเกือบตลอดปี ผลแห้งแตก เป็นฝักแบน กว้าง 1-1.5 เซนติเมตร ยาว 5-8 เซนติเมตร เมล็ดรูปไต สีดำ มี 5-10 เมล็ด
การกระจายพันธุ์
อัญชันมีถิ่นกำเนิดในแถบเอเชียเขตร้อน ก่อนจะถูกนำไปแพร่พันธุ์ในแอฟริกา ออสเตรเลีย และอเมริกา
สรรพคุณ
ดอก สกัดสีมาทำสีผสมอาหาร ช่วยปลูกผมทำให้ผมดำขึ้น
เมล็ด เป็นยาระบาย
ราก บำรุงตาแก้ตาฟาง ถูฟันแก้ปวดฟัน ตาแฉะ และปรุงเป็นยาขับปัสสาวะ นำรากมาถูกับน้ำฝนใช้หยอดหูและหยอดตา
ขมิ้น
ชื่ออื่น : ขมิ้นหัว,ขมิ้นแกง,ขมิ้นหยวก (เชียงใหม่) ขมิ้น (กลาง) หมิ้น,ขี้มิ้น (ภาคใต้) สะยอ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ตา ยอ (กะเหรี่ยง-กำแพงเพชร)
สรรพคุณ : ใช้รับประทานเหง้าของขมิ้นชัน โดยการปลอกเปลือกหรือตากแห้งแล้วบดเป็นผงใช้ ประกอบอาหารได้หลายอย่าง และแบบผงบรรจุแคปซูลเพื่อความสะดวกแก่การรับประทาน ขมิ้นชันมีประโยชน์และสรรพคุณหลายประการ ดังนี้ขมิ้นชันมีวิตามิน เอ, ซี, อี ที่เข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำงานพร้อมกัน ทั้ง 3 ตัว จึงมีผลทำให้ช่วยลดไขมันในตับ สมานแผลภายในกระเพาะอาหาร ช่วยย่อยอาหาร ทำความสะอาดลำไส้ เปลี่ยนไขมันให้เป็น กล้ามเนื้อ ต้านอนุมูลอิสระป้องกันมะเร็งตับ สร้างภูมิคุ้มกันให้กับผิวหนัง กำจัดเชื้อราที่ปนเปื้อนในอาหารที่รับประทานเข้าไปและสะสมในร่างกายเตรียมก่อตัวเป็นเซลล์มะเร็ง ช่วยขับน้ำนมสำหรับสตรีหลังการ คลอดบุตรได้ดี รองมาจากการกินหัวปลีกินขมิ้นชันให้ตรงเวลา ที่อวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเปิดการทำงานในช่วงเวลานั้น จะได้ผลตรงกับประเด็นที่ต้องการจะบำรุง หรือแก้ไขฟื้นฟูอวัยวะ รับประทานเพียง 1 แคปซูลเท่านั้น จะออกฤทธิ์ มากกว่าเวลาอื่นถึง 40 เท่าตัว แต่ถ้ามีปัญหาหลายอย่างก็รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล ทุกๆ 2 ชั่วโมง ถ้ารับประทานขมิ้น จำนวนมาก ส่วนที่เหลือจะทำหน้าที่ขับไขมันในตับ กินขมิ้นชันให้เป็นอาหาร ไม่ใช่กิน ให้เป็นยา ต้อง กินให้สนุกใช้ปรุงอาหารกินบ้าง หุงข้าวก็ใส่ขมิ้นชันได้ ทอดปลาคลุกขมิ้นชันก็ดี ทำให้หอมน่ากินและยังได้ประโยชน์อีกด้วย เพราะตัวขมิ้นจะช่วยย่อยไขมันจากน้ำมันที่ใช้ทอดปลาได้เป็นบาง ส่วน ถ้ากินขมิ้นชันสดๆ ต้องปลอกเปลือกก่อน แต่ถ้าทำขมิ้นบดเป็นผง ต้องนำขมิ้นมาต้มน้ำให้เดือดสักพักหนึ่ง เสร็จแล้วตักออกนำมาผึ่งให้เย็นหั่นเป็นแว่นเล็กๆ ตากแดดจนแห้ง อาจจะตากหลายครั้ง แล้วถึง จะนำ มาบดให้เป็นผง ถ้าใช้เครื่องอบให้ขมิ้นแห้ง ความร้อนไม่ควรเกิน 65 องศา ถ้าความร้อนเกินอาจเกิดสารสเตอรอยด์ได้
วัสดุอุปกรณ์ฺที่ใช้ในการทำ
1. ทัพพี
ส่วนผสม
2.หม้อ
3. ตะแกง
4.ถาด
5.เครื่องปั่น
6.ถ้วย
7. ช้อน
ส่วนผสม
น้ำตาล 1 ถ้วยตวง
หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง
เกลือป่นหยาบ 1 ช้อนชา
แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า, ไข่นกกระทา
แป้งข้าวเหนียว (สำหรับทำแป้งนวล)
ส่วนผสมบัวลอยสีเขียว
แป้งข้าวเหนียว 100 กรัม
น้ำใบเตย 120 กรัม
ส่วนผสมบัวลอยสีม่วง (ดอกอัญชัน)
แป้งข้าวเหนียว 100 กรัม
น้ำดอกอัญชัน 120กรัม
น้ำเปล่า 80 กรัม
ส่วนผสมบัวลอยสีเหลือง
แป้งข้าวเหนียว 100 กรัม
น้ำขมิ้น 120กรัม
น้ำเปล่า 60 กรัม
วิธีทำ
1. วิธีทำบัวลอยสีเขียว ค่อย ๆ ใส่น้ำใบเตยลง ในแป้งข้าวเหนียว เคล้าและนวดแป้งให้เป็น เนื้อเดียวกัน ปั้นเป็นก้อนกลมเล็กเส้นผ่าน ศูนย์กลางประมาณ 1/4 นิ้ว คลุกลงใน แป้งนวล
2. วิธีทำบัวลอยสีขาว ค่อย ๆ ใส่แป้งข้าวเหนียว ลงในน้ำอัญชัน นวดให้เข้ากัน ถ้าแป้งแห้งเกินไป ค่อย ๆ ใส่น้ำอัญชันลงไปอีก นวดจนเข้ากัน ปั้น
เป็นก้อนกลมเล็กเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1/4 นิ้ว คลุกลงในแป้งนวล
3. วิธีทำบัวลอยสีเหลือง ค่อย ๆ ใส่แป้งข้าวเหนียวลงไปในขมิ้น นวดให้เข้ากัน ถ้า แป้งแห้งเกินไปค่อย ๆ ใส่น้ำขมิ้นเพิ่มลงไป นวดจนเข้ากัน ปั้นเป็นก้อนกลมเล็กเส้น ผ่านศูนย์กลางประมาณ 1/4 นิ้ว คลุกลงใน แป้งนวล
4. ผสมหัวกะทิ แป้งข้าวเจ้า และเกลือป่น ยกขึ้นตั้งไฟกลางพอกะทิเดือด ใส่ น้ำตาลคนให้ละลายเดือดอีก ครั้งยกลง
5. ต้มน้ำเปล่าพอเดือดใส่บัวลอยที่ปั้นไว้ลง ต้มพอลอยตักขึ้นใส่ถ้วย พอสุก ตักใส่ในถ้วยบัวลอย ราดด้วยน้ำหวาน
สูตรการทำบัวลอย3สี
ผลคาดว่าจะได้รับ
1.ได้รู้จักวิธีทำบัวลอยสามสีและเป็นอาหารทานเล่นในยามว่าง
2.ทำให้คนที่ศึกษาได้เรียนรู้และมีรายได้เสริมขึ้นมาจากการทำบัวลอยสามสี